สุขภาพดี ต้องห่างไกลให้พ้นจาก โรคเบาหวาน
ในปัจจุบันนี้จากสถิติการรักษาและการเสียชีวิตเราจะพบว่า เกิดจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าโรคนี้ก็คือโรคเบาหวาน คนส่วนใหญ่คิดว่าไม่อันตรายจึงไม่ค่อยได้ใส่ใจดูแลตัวเอง แต่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นอีกหนึ่งโรคที่สามารถฆ่าชีวิตเราไปได้เรื่อยๆ ภาษาชาวบ้านเรียกกันว่าตายผ่อนส่งดังนั้นถ้าหากวันนี้เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ อันไม่คาดคิดกับตัวเองหรือคนที่เรารักจึงควรที่จะหันมาดูแลใส่ใจตัวเองกันตั้งแต่วันนี้ แล้วเราจะพาคุณไปดูว่า โรคเบาหวานอาการและระยะของโรคเป็นอย่างไรบ้าง
โรคเบาหวานเกิดจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลกลูโคสในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ในการนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์ต่างๆในร่างกาย เมื่อเป็นเช่นนี้กลูโคสจึงเกิดการสะสมอยู่ในเลือดเป็นปริมาณมากส่งผลเสียต่อระบบต่างๆในร่างกายและทำให้เราเป็นโรคเบาหวานนั่นเอง
อาการของโรคเบาหวานมักจะไม่แสดงอาการเตือนให้เห็นจนกว่าจะเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะพบว่าร้อยทั้งร้อยเมื่อไปตรวจโรคอื่นๆจึงพบโรคเบาหวานโดยบังเอิญและปัจจุบันเราสามารถตรวจภาวะก่อนเป็นเบาหวานได้ด้วยการตรวจระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดและตรวจระดับน้ำตาลสะสม ซึ่งภาวะก่อนเป็นเบาหวานคือภาวะร่างกายมีน้ำตาลในกระแสเลือดสูงกว่าปกติแต่สูงไม่มากพอที่จะเป็นโรคเบาหวานได้โดยระดับน้ำตาลจะต้องอยู่ที่ 100 ถึง 125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ซึ่งถ้าหากเราตรวจพบภาวะก่อนเป็นเบาหวานได้เราก็จะสามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีง่ายๆเพียงแค่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตอาหารการกินและการออกกำลังกายนั่นเอง
ลักษณะอาการของโรคเบาหวาน
• ปัสสาวะบ่อยขึ้นหิวน้ำมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางคืนจากกระหายน้ำมากกว่าปกติพึงสังเกตตัวเองและเดาได้เลยว่านี่เป็นสัญญาณของโรคเบาหวานเพราะร่างกายจะมีการขับน้ำตาลที่มีอยู่สูงในเลือดออกมาทางปัสสาวะทำให้เราปวดปัสสาวะบ่อยๆ
• น้ำหนักลดผิดปกติอาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคบางชนิด โดยเฉพาะเบาหวานถ้าหากเรามีน้ำตาลในเลือดสูงจะทำให้น้ำหนักตัวลดลงเร็วมากประมาณ 5-10 กิโลกรัมภายใน 2-3 เดือน
• บาดแผลหายช้ากว่าปกติเป็นต้นว่าแผลมีดบาดแผลพกช้ำ
• หิวบ่อยกินจุบกินจิบโดยไม่ทราบสาเหตุเพราะเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงจะทำให้ร่างกายต้องการอาหารเพิ่มขึ้นเพื่อไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดจึงส่งสัญญาณออกมาทางอาการหิวนั่นเอง
• อ่อนเพลียและอารมณ์ไม่คงที่จะมีอารมณ์ฉุนเฉียวเกิดขึ้น มากกว่าปกติ
ทั้งหมดนี้คือลักษณะอาการเบื้องต้น ดังนั้นหากเราสังเกตอาการเหล่านี้พบโดยเร็ว ซึ่งอาจจะไม่ต้องรอให้ครบทุกข้อ เราก็ควรตรวจเช็คทางการแพทย์ได้แล้ว เพื่อให้ทราบผลว่ามีแนวโน้มหรือไม่
ชนิดของโรคเบาหวาน แบ่งออกได้ดังนี้
เบาหวานชนิดที่หนึ่ง [Type 1] มักพบในกลุ่มก่อนอายุ 30 ปี มักจะมีอาการหิวน้ำบ่อย น้ำหนักลด มีการหลั่งอินซูลินน้อยลง เกิดจากมีการทำลายของตับอ่อน นอกจากนั้นยังพบมี antibody ต่อ insulin พบว่าผู้ป่วยจะไม่มีการสร้าง insulin หรือมีแต่น้อยมาก ต้องรักษาด้วยการฉีดอินซูลิน ถ้าขาดอินซูลินจะเกิดภาวะหมดสติจากน้ำตาลสูงและกรดคีโตนคั่งในเลือด
เบาหวานชนิดที่สอง [Type 2] เกิดจากที่ร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน มักจะมีโรคแทรกซ้อนได้ง่าย มักพบในกลุ่มอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป มักจะไม่แสดงอาการ แต่เจาะเลือดถึงจะพบว่าป่วยเป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยมักจะมีรูปร่างอ้วน และมีโรคแทรกซ้อน มีภาวะต้านต่อ อินซูลิน
เบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ ผู้ป่วยจะไม่มีประวัติการป่วยเป็นโรคเบาหวานมาก่อนการตั้งครรภ์ แต่ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนจากรกซึ่งมีฤทธิ์ต้านอินซูลิน ส่งผลให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินลดลง ถ้าไม่สามารถเพิ่มการสร้างอินซูลินให้เพียงพอจะทำให้เกิดเป็นโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ได้ และพบว่า หลังคลอดบุตร โรคเบาหวานนี้ จะหายไป
เบาหวานชนิดอื่นที่เกิดจากสาเหตุเฉพาะ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิเช่น จากพันธุกรรม จากความผิดปกติของฮอร์โมน ความผิดปกติของตับอ่อน ซึ่งอาจจะเกิดจากการรับประทานยาบางชนิดมานานเกินไป และส่งผลต่อการป่วยด้วยโรคเบาหวานได้
อย่างไรก็ดี หากป่วยเป็นโรคเบาหวาน ต้องหมั่นไปพบแพทย์ และรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ห้ามหยุดยาเอง ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด และต้องคุมการรับประทานอาหาร โดยลด ละ เลิก อาหารที่มีน้ำตาลสูง เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ขนมหวานต่างๆ นมข้นหวาน ผลไม้ที่มีรสหวาน อาหารที่มีรสหวานมัน เป็นต้น และที่สำคัญ คือต้องหมั่น ออกกำลังกาย อยู่ะเสมอ และเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง และต่อสู้กับโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย