“การทาครีมกันแดด” ซึ่งครีมกันแดดที่ดีนั้นต้องมี SPF อย่างน้อย 30 และมี PA+++ ถึงจะเพียงพอต่อการปกป้องผิวสวย เมื่อมีครีมกันแดดคุณภาพดีแล้วสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลย คือวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง เพราะการใช้ครีมกันแดดมีความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนบำรุงผิว คือต่อให้มีครีมบำรุงผิวคุณภาพดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่ป้องกันผิวของเราจากแสงแดด ริ้วรอยก่อนวัยอันควรคงได้มาเยือนแน่ ๆ
– ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดประมาณ 20 นาที
ครีมกันแดดส่วนใหญ่มีผลในการปกป้องแสงแดดได้ก็ต่อเมื่อทาลงไปบนผิวนานมากกว่า 20 นาทีแล้วเท่านั้น หากออกแดดทันทีหลังจากทาครีมกันแดดเสร็จผิวอาจไหม้แดดได้โดยไม่รู้ตัว เป็นที่มาของความสงสัยที่ว่าทำไมทาครีมกันแดดแล้วยังดำอยู่นั่นเอง
– ทาครีมกันแดดในปริมาณที่เพียงพอ ไม่น้อยหรือมากเกินไป
ผู้ใช้ครีมกันแดดหลาย ๆ คนมักจะใช้ครีมกันแดดในปริมาณที่น้อยด้วยราคาที่สูงของครีมกันแดด ซึ่งนั่นเป็นวิธีการทาครีมกันแดดที่ไม่ถูกต้อง หากต้องการปกป้องผิวกายจากรังสียูวีที่พร้อมจะเข้ามาทำร้ายผิวเราได้เสมอนั้น ควรใช้ปริมาณที่พอเหมาะกับแต่ละจุด ดังนี้
วิธีทาครีมกันแดดบนใบหน้า – ปริมาณการทาครีมกันแดดใช้เท่ากับเหรียญ 10 บาทสำหรับใบหน้าและลำคอ บางคนที่ไม่ชินกับการใช้ครีมทาผิวปริมาณมากขนาดนั้นอาจรู้สึกว่ามากเกินไปไหม
สิวจะบุกหน้าหรือเปล่า ? หากกังวลเรื่องสิวเพียงเปลี่ยนมาใช้เป็น ครีมกันแดดสำหรับคนเป็นสิว หรือใช้ครีมกันแดดแบบ Water Base ก็หมดห่วงเรื่องสิวได้ อีกทั้งยังสามารถเติมระหว่างวันและไม่ทำให้เครื่องสำอางเป็นคราบ โดยทาครีมกันแดดบนหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิว อาจจะแต้มเป็น 5 จุดแล้วใช้มือเกลี่ยออกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ
วิธีทาครีมกันแดดที่ตัว – ตั้งแต่บริเวณแผ่นหลัง แขน ขา ควรใช้ครีมกันแดดปริมาณ 1 แก้วชอต หรือ 30 ออนซ์นั่นเอง ควรทาครีมกันแดดที่ตัวหลังจากลงโลชั่นบำรุงผิวและไม่ควรทาโลชั่นอื่น ๆ ทับลงไป
– เมื่อลงเล่นน้ำต้องทากันแดดสำหรับกันน้ำโดยเฉพาะ
เวลาลงเล่นน้ำเราก็สามารถทาครีมกันแดดได้ ซึ่งบนฉลากต้องระบุไว้ว่า “Water Resistant” เท่านั้น นอกจากจะกันน้ำได้ ยังกันเหงื่อขณะเล่นกีฬาได้อีกด้วย ถึงจะขึ้นชื่อว่า กันน้ำ กันเหงื่อ ก็ใช่ว่าจะลงน้ำหรือเล่นกีฬาได้ตลอดโดยไม่ต้องทาครีมกันแดดเพิ่ม เพราะจริง ๆ แล้วหลังจากโดนน้ำผ่านไป 40 นาที ประสิทธิภาพของครีมกันแดดจะลดลงแต่ก็ยังพอกันแดดได้บ้าง
และเมื่อเล่นน้ำหรือมีเหงื่อออกต่อเนื่องไปจนถึง 80 นาที ครีมกันแดดจะเสื่อมประสิทธิภาพจนไม่สามารถกันแดดได้อีกเลย ดังนั้นควรทาครีมกันแดดซ้ำอีกครั้งเมื่อต้องเล่นน้ำเกิน 80 นาที แต่เพื่อความมั่นใจว่าผิวจะไม่ถูกทำร้ายด้วยแดดขณะเล่นน้ำ การทาครีมกันแดดชนิดกันน้ำซ้ำทุก ๆ 40 นาทีจะเป็นการป้องกันได้ดีที่สุด
– ควรทาครีมกันแดดทุก ๆ 2 ชั่วโมง
เราควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง ต่อให้ครีมกันแดดนั้นมี SPF หรือค่า PA ที่สูงมากเพียงใด แต่เมื่อเผชิญมลภาวะทั้งฝุ่น ควัน น้ำหรือเหงื่อ ประสิทธิภาพของครีมกันแดดนั้นจะลดลงในทันที ทางที่ดีควรพกครีมกันแดดขนาดเล็กติดตัวไว้ แล้วนำออกมาทาซ้ำอีกรอบช่วงบ่ายจะดีที่สุด
– ไม่เอาครีมกันแดดทาผิวกายมาใช้กับผิวหน้า
ผิวหน้าคนเรามีความบอบบางกว่าที่คิด การใช้ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าควรเป็นสูตรที่อ่อนโยน เหมาะกับผิวหน้าเท่านั้น ซึ่งส่วนมากแล้วครีมกันแดดสำหรับผิวกายจะมีส่วนผสมของน้ำหอมและน้ำมันที่มากกว่าปกติ หากนำมาใช้กับผิวหน้าอาจเกิดอาการแพ้และเป็นสิวได้ง่าย
นอกจากนี้ ครีมกันแดดสำหรับทาผิวหน้ากับทาผิวกายมีเฉดสีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เมื่อนำครีมกันแดดสำหรับทาตัวมาใช้กับผิวหน้าอาจมีผลทำให้รองพื้นเปลี่ยนเฉดสีไปได้ ทางที่ดีควรเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ และมีเฉดสีใกล้เคียงกับผิวจริงของเรามากที่สุดจะดีกว่า
– สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบุค่าการป้องกันรังสียูวี ช่วยกันแดดได้อีกทาง
ปัจจุบันนี้แบรนด์เสื้อผ้าหลายแบรนด์เริ่มหันมาให้ความสนใจผลิตชุดที่ป้องกันรังสียูวีกันมากขึ้น หลักของการป้องกันแสงแดดด้วยเสื้อผ้าเกิดจากขั้นตอนในการทอผ้า ต้องทอให้มีความแน่น เหลือช่องว่างน้อยจนแสงแดดไม่สามารถทะลุผ่านเสื้อผ้าได้ ค่าการป้องกันรังสียูวีจะลดหลั่นกันไปตามลักษณะการทอ แต่ต้องจำไว้ว่า ยิ่งกันแดดได้มากเท่าไหร่ เสื้อผ้าที่สวมใส่ยิ่งไม่สามารถระบายอากาศได้มากเท่านั้น หรือใครไม่สะดวกหาเสื้อผ้าที่ป้องกันรังสียูวีได้ แค่สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และกางร่มทุกครั้งเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ก็ถือเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่น่าสนใจ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเคล็ดไม่ลัยในการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องเพื่อปกป้องผิวสวยๆของทุกๆคนอย่าลืมนำไปลองใช้กันดูนะคะ เพราะรับรองว่าสามารถป้องกันแสงแดดได้จริง ๆ