(TAVI) การเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด

tavi แก้ปัญหาลิ้นหัวใจในวัยสูงอายุโดยไม่ผ่าตัด

การเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด (TAVI) การเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด (transcatheter aortic valve implantation หรือ TAVI)

(TAVI) เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบอย่างรุนแรง (ลิ้นหัวใจเอออร์ติก คือ ลิ้นหัวใจที่กั้นระหว่างหัวใจห้องล่างซ้ายกับหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา) ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยแพทย์จะใช้การรักษาวิธีนี้เมื่อพิจารณาแล้วว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดแบบเปิดช่องอก

ขั้นตอนการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด
แพทย์จะทำการใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนเข้าไปทางหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณขาหนีบ หรือเจาะผ่านผิวหนังส่วนยอดหัวใจ เมื่อสายสวนไปถึงตำแหน่งของลิ้นหัวใจเอออร์ติก แพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อใส่ลิ้นหัวใจเทียม โดยจะทำการขยายบอลลูนเพื่อไปดันลิ้นหัวใจเทียมให้กางออก กลายเป็นลิ้นหัวใจใหม่แทนของเดิมที่เสื่อมสภาพ โดยทั่วไปการรักษาวิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง

การเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัดเหมาะกับใครบ้าง
-ผู้ป่วยที่มีภาวะโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบรุนแรง
-ผู้ป่วยสูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป
-ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงจากการผ่าตัด ซึ่งแพทย์ผู้ให้การรักษาจะมีมาตรฐานในการประเมินปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว
เป็นผู้ป่วยที่คาดว่าจะมีชีวิตยืนยาวเกิน 1 ปีหรือไม่ได้อยู่ในภาวะของโรคมะเร็งระยะลุกลาม
-ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด มีภาวะหลอดเลือดแดงเอออร์ตาแข็ง หรือเคยผ่าตัดหัวใจมาก่อน
ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย

ข้อดีของการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด
การรักษาด้วยวิธีการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัดช่วยลดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัดใหญ่เพื่อเปิดช่องอก ผู้ป่วยจึงฟื้นตัวได้เร็ว มีแผลเล็กๆ เฉพาะบริเวณที่เจาะสายสวนเท่านั้น ใช้เวลาในการพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 5-7 วัน ซึ่งต่างกับการผ่าตัดเปิดช่องอกที่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานกว่า (ประมาณ 7-10 วัน)

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษา
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใส่ลิ้นหัวใจเทียมด้วยเทคนิคการใช้สายสวน ได้แก่
-มีเลือดออก หรือมีก้อนเลือดที่เกิดจากการมีเลือดออกและคั่งอยู่ใต้ผิวหนัง หรือติดเชื้อบริเวณที่ใส่สายสวน
หลอดเลือดได้รับความเสียหาย
-ไตมีปัญหาจากการขับสารทึบรังสีออกจากร่างกาย
-เกิดลิ่มเลือดอุดตัน ทำให้เส้นเลือดในสมองตีบ
-ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย
-ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
-ปัญหาลิ้นหัวใจเทียมเลื่อนออกจากตำแหน่ง
-เสียชีวิต

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ

Facebook
Twitter
LinkedIn
Telegram
Pinterest
5/5